Friday 1 January 2016

สาเหตุที่ทำไห้ท้องผูก มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมต้องต่อสู้กับอาการท้องผูก อยู่หลายวัน เมื่อมีอาการท้องผูก ผมเริ่มสงสัยตัวเองว่าทำไมเราจึงท้องผูก สาเหตุมันมาจากอะไรกันเเน่
ผมจึงเริ่มลงมือทำการ ทดลองหาสาเหตุที่ทำให้ผม( เฉพาะตัวผม )ท้องผูก
ผมเริ่มต้นด้วย การเฝ้ามองการกินของผมเอง ถ้าวันใหนผมกินผักผลไม้ หลังอาหาร ผมจะไม่มีปัญหากับการขับถ่ายเลย แทบไม่ต้องเบ่ง มันก็พรั่งพรูออกมา
ถ้าผมกินข้าวมากหนักไปทางข้าว ผมจะถ่าย เหลว  เต่จะมีหนืด คือไม่พุ่งพรวดเหมือนกินผลไม้ แและอจจระจะมีน้ำหนัก
ถ้าผมกินผัก ก็จะถ่ายคร่อง เหมือนกินผลไม้
และ  อันนี้ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให่ผมท้องเสีย เมื่อผมกิน ขนมคบเขี้ยวที่ มีการอบกรอบ หรือกินขนมปังอบกรอบ หรือเเคร็กเกอร์ ที่ฝรั่งเขาเรียกกัน นั้นเเหละ ตื่นเช้ามาไม่รู้สึกอยากถ่าย อยากถ่ายก็ถ่ายก็ไม่ออก  ๆลำบากมาก
ผมจึงสรุปผลการทดลอง ว่า ขนมคบเขี้ยวที่ มีการอบกรอบ หรือกินขนมปังอบกรอบ หรือเเคร็กเกอร์ คือสาเหตุที่ทำให้ผมท้องผูก
และวิธีเเก้ท้องผูก ของผมคือ กินเเอ็ปเปิล 1ลูก กับนมเรี้ยว บีทาเก้นขวดละ 10 บาทหนึ่งขวด รับรอง ครึ่ง ชชม. เห็นผล
และผมยังไปเฝ้าดูอาการของเเม่ โดยการซื้อเเคร็กเกอร์ไปให้ท่านทาน ได้ผลเหมือนกัน คือ ท่าน ท้องผูก บ่นว่าถ่ายไม่ออก
   สาเหตุ ไม่รู้ นะ  เเต่ถ้าคนเเก่กิน ขนมปังอบกรอบ เเล้ว ไม่ออกกำลังกาย จะเป็นเเทบทุกคนนะ เท่าที่สังเกตุ
อันนี้ไม่ได้ให้เชื่อ ทดลองเเล้วจึงมาบอก กันให้รู้ เพราะผมต้องต่อสู้กับมันมาระยะหนึ่งจึง ต้องหาสาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นกับเรา 

Friday 16 October 2015

วิธีออกกำลังกายอย่างง่ายๆ รักษาได้หลายโรค

การแกว่งแขนบำบัดโรค
การแกว่งแขนบำบัดโรคความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ หัวใจ ประสาท โรคจิต ไต ตับ อัมพาต เนื้องอก มะเร็ง นอนไม่หลับ โรคโลหิต ถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ แทบทุกโรคที่เกิดจากการเต้นของชีพจรไม่สม่ำเสมอ และเลือดลมที่เดินไม่สะดวกทั้งสิ้น และยังช่วยลดน้ำหนักได้
...
ความพิเศษของการแกว่งแขนรักษาโรค คือ ส่วนบนว่างและเบา แต่ส่วนล่างแน่นและหนัก การเคลื่อนไหวอ่อนโยนละมุนละไม ตั้งจิตเป็นสมาธิแล้วแกว่งแขนทั้งสองข้าง นี่แหละจะสามารถช่วยให้ท่านที่มีร่างกายอ่อนแอ กล่าวคือส่วนบนแข็งแรงแต่ส่วนล่างอ่อนแอ ให้เปลี่ยนเป็นผู้ที่มีส่วนล่างแข็งแรง และส่วนบนกระชุ่มกระช่วย โรคภัยทั้งหลายก็จะถูกขจัดให้หายไปเอง
การแกว่งแขนเป็นการออกกำลังกายซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาช่วยลดน้ำหนัก ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง แถมยังสามารถรักษาโรคได้ด้วย
วิธีกายบริหารด้วยการแกว่งแขนนี้ นำมาจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อโจ้วซือ) ชื่อว่า คัมภีร์ ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง ซึ่งนับเป็นวิธีออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและขจัดโรคภัย ปฏิบัติได้ง่าย แต่ให้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์! การแกว่งแขนนี้เป็นการแกว่งให้เลือดลมเดินได้สะดวก และปรับสภาพเส้นเอ็น โดยจะช่วยรักษาโรคความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ หัวใจ ประสาท โรคจิต ไต ตับ อัมพาต เนื้องอก มะเร็ง นอนไม่หลับ โรคโลหิต ถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ แทบทุกโรคที่เกิดจากการเต้นของชีพจรไม่สม่ำเสมอ และเลือดลมที่เดินไม่สะดวกทั้งสิ้น
การแกว่งแขนจะทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้นตามลำดับ และชีพจรก็จะเต้นได้สม่ำเสมอ นับเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายมากทั้งยังให้ผลเกินคาด เพียงแต่ผู้ปฏิบัติต้องมีความขยันและอดทนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทุกที่ หากแต่ถ้าจะทำในที่โล่งได้ก็จะดีมากเพราะจะได้อากาศบริสุทธิ์ ยิ่งยืนบนหญ้าก็จะได้แร่ธาตุจากดินจากน้ำค้างด้วย มาดูวิธีการปฏิบัติกันเลยค่ะ
1. ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่
2. ปล่อยมือสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ให้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง
3. หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลำคอ ศีรษะ และปาก ผ่อนคลายตามธรรมชาติ
4. จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงบนพื้นให้แน่น ให้แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขาและท้องตึง ๆ เป็นใช้ได้
5. บั้นท้ายควรให้งอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างบริหารต้องหดก้นหรือขมิบทวารหนัก คล้ายยกสูงให้หดเข้าไป ในลำไส้
6. ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่งจุดเดียว สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กังวล ออกให้หมด ทำสมาธิให้รู้สึกอยู่ที่เท้า
7. แกว่งแขนไปข้างหน้าเบาหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไปหลังแรงหน่อย ทำมุม 60 องศากับลำตัว จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือให้เหมือนลูกตุ้ม แกว่งแขนไป-มา โดยเริ่มจากทำวันละ 200-300 ครั้ง ค่อยๆ ขยับไป เป็นวันละ 500 ครั้ง จนถึงวันละ 1,000 สูงสุดวันละ 2,000 ครั้ง จะดีมาก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ตัวอย่างชาวจีนที่แกว่งแขนบำบัดโรคหาย
1. นายจู อายุ 76 ปี ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองและมะเร็งที่ปอด เขาจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำการบริหารแกว่งแขน เพื่อบำบัดโรคภัยนี้ เขาได้ทำการบริหารแกว่งแขนตอนเช้า 2,000 ครั้ง และเย็นหรือกลางคืนอีก 2,000 ครั้ง ก็ได้ผลที่เห็นชัด ทำอยู่ 5 เดือน โรคร้ายก็หายขาด
2. นายบั้ง อายุ 48 ปี เป็นช่างไม้อยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง ป่วยเป็นโรคไขข้ออักเสบและอุจจาระเป็นเลือดอยู่ประมาณ 1 ปี ขณะเดียวกันก็เป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหาร เมื่อทำการบริหารแกว่งแขนโรคทั้งสองก็หายขาด ส่วนโรคมะเร็งก็กระเตื้องดีขึ้นเรื่อย ๆ
3. นายแต้อายุ 75 ปี เป็นกรรมกรที่ปลดเกษียณของบริษัทรถรางเซี่ยงไฮ้ เป็นโรคความดันโลหิตมานาน 40 ปี และต้องใส่แว่นตาตลอดมา ปัจจุบันนี้ความดันเลือดปกติและไม่ต้องใส่แว่นตาด้วย เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่ได้ออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขน
4. นายกู้ อายุ 42 ปี ทำงานอยู่ที่บริษัทขนส่งเมื่อ 10 ปีก่อน เริ่มเป็นโรคตับอักเสบ อาการของโรคเริ่มกำเริบอีกเป็นครั้งที่สอง โดยนายแพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยแล้ว ปรากฏว่าเป็นโรคตับแข็ง เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ว่าจะต้องทำกายบริหารแกว่งแขนโดยไม่แตะต้องยา เขาได้ทำอยู่อย่างสม่ำเสมอและถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ปรากฏว่าได้ผล เพราะหลังจากผ่านไป 1 เดือน นายแพทย์ถึงกับงงต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป
ดังนั้น ลองมาทดลองออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนบำบัดโรคอีกทางเลือกหนึ่งง่ายๆ ลองดูไม่เสียหาย หากไม่เชื่ออย่างน้อยก็ได้ออกกำลังกาย หากเป็นโรคร้ายแรงอยู่ แล้วหายก็ถือว่าโชคดีไป ไม่ต้องเสียเงินและเจ็บตัวไปรักษาราคาแพงที่โรงพยาบาล
แกว่งแขนรักษาโรค
https://www.youtube.com/watch?v=buI0ITBCKP0
ClipVDO สอนแกว่งแขนอย่างถูกวิธี
https://www.youtube.com/watch?v=EirpxHlEJA4
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บทความสุขภาพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์WWW.KU.AC.TH
บทความ แกว่งแขน...กายบริหารแบบง่ายๆ ช่วยบำบัดโรค จากwomen.thaiza.com
อ้างอิง: คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อโจ้วซือ) ชื่อคัมภีร์ ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง

Tuesday 14 July 2015

เป็นโรคไต!!รู้ได้อย่างไร?

รู้ได้อย่างไร?ว่าเป็นโรคไต!!


          โดยทั่วไปจะไม่มีอาการบอกให้รู้ล่วงหน้า จึงเป็นโรคที่น่ากลัว เป็นเพชฌฆาตมืดที่คุกคามชีวิตผู้คนอย่างเลือดเย็น
เปรียบเสมือนเราพาทหารไปรบ รบเสียรี้พลไปไม่กี่คน จะไม่รู้สึกว่าเสียกำลังพล ต่อเมื่อการสูญเสียบ่อยครั้งหรือเสียทีละมากๆ จึงจะรู้สึกว่ากำลังพลร่อยหรอลง หรือสู้รบเสียทีละมากๆ จึงจะใจหายว่าเราได้เสียกำลังพลไปมาก เช่นเดียวกัน หน่วยกรองไตที่เสียหายไปเล็กน้อย จะไม่รู้สึกอะไร ต่อเมื่อเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเสียหายมากๆ อย่างเฉียบพลันจึงจะปรากฏอาการให้เห็น ถึงตอนนั้น หน่วยกรองไตได้รับความเสียหายไปมากแล้ว
           ความเสียหายของหน่วยกรองไต ไม่อาจฟื้นกลับมาได้ เพราะไตไม่อาจซ่อมแซมให้ฟื้นคืนดังเดิมได้ เช่นเดียวกับประสาท ดังนั้น การป้องกันไม่ได้เกิดโรคไต จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ถ้าเราสามารถสังเกตพบได้ในระยะเริ่มต้น ตรวจเช็คร่างกายเป็นประจำแล้วพบหมอให้เร็ว จะเท่ากับเราชะลอความเสียหายของหน่วยไตให้ช้าลง เท่ากับติดเบรกให้รถเพื่อชะลอความเร็วไว้บ้างเวลาลงเขา จะได้ไม่ลงเร็วจนเกินไป
          สังเกตว่าเป็นโรคไตหรือไม่ จาก
thaihealth_c_abcehlmvy456



         1.จากปัสสาวะ – กลิ่น มีกลิ่นฉุนมากหรือไม่ ปกติปัสสาวะใหม่ๆ ของคนปกติจะมีกลิ่นอ่อนๆ หากเมื่อไรที่กลิ่นฉุนมาก และเป็นต่อเนื่องหลายวัน ต้องไปพบแพทย์ ถ้าฉุนเพราะกินอาหาร ผ่านไปวันสองวันก็จะหาย
              – สี ขาวใส หรือขุ่นเข้ม ปกติตอนเช้าปัสสาวะจะต้องมีสีเข้มนิดหน่อย เพราะกลางคืนดื่มน้ำน้อย พอสายๆ จะใสบ้าง แต่ก็ต้องเหลืองน้อยๆ ถ้าปัสสาวะบ่อยแล้วขาวใสมากทั้งวันทั้งคืน แสดงว่าไตกรองของเสียออกไม่ได้ ออกแต่น้ำ ผู้ป่วยโรคไตที่มาหาเราที่คลินิกท่านหนึ่งก็เป็นเช่นนี้ ปัสสาวะวันหนึ่งหลายสิบครั้ง กลางคืน 4-5 ครั้ง ใสอย่างเดียว ไม่มีสีอะไรเลย พอตรวจค่าของเสียในไตในเลือดสูงถึง 7 ดังนั้น ตลอดเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่จะไม่มีอาการบวมที่ตัว ที่ขามากนัก จะมีบ้างก็บวมที่เปลือกตาบน
รู้ว่าเป็นโรคไตได้อย่างไร? thaihealth- จำนวนครั้งมากหรือน้อย คนปกติกลางวัน 4-8 ครั้ง กลางคืน 1-2 ครั้งถือว่าปกติ ถ้า 10-15 ครั้งขึ้นไป กลางคืนถ้า 3 ครั้งขึ้นไป ต้องหาหมอ เพราะถ้าปัสสาวะบ่อยครั้ง สะท้อนถึงว่าหน่วยกรองไตได้รับความเสียหาย โดยปกติแล้วเมื่อหน่วยไตกรองออกมา ท่อไตจะจัดแบ่ง ดูดเก็บของดีกลับคืนไป ส่วนของเสียจะส่งเข้าสู่กรวยไตให้ส่งต่อไปยังกระเพาะปัสสาวะ แต่เมื่อหน่วยไตเสียหาย ที่ควรเก็บ เก็บไม่หมด ที่ควรขับ ขับไม่หมด กลางคืนควบคุมปัสสาวะไม่อยู่ หรือกระทั่งกลางวัน จึงปัสสาวะบ่อย บางคนต่อมลูกหมากโตจะมีอาการปัสสาวะออกยาก ปัสสาวะขัง ดันขึ้นบน ย้อนไปขังที่ไต ทำให้ไตอักเสบได้ หรือผู้ที่อั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะขังดันขึ้นที่ไต ก็ทำให้ไตอักเสบได้เช่นกัน
             – ปัสสาวะปริมาณมากหรือน้อย ปกติปัสสาวะแต่ละวันต้องมีประมาณวันละ 1500 ซีซี ดื่มน้ำเท่าไรควรออกมาเท่านั้น ดังนั้น วันหนึ่งต้องมีปัสสาวะไม่ต่ำกว่า 400 ซีซี จึงจะสามารถขับพิษที่ร่างกายไม่ต้องการออกไปจากร่างกายได้
             – แต่ผู้ป่วยบางคนจะมีปัสสาวะมาก ปัสสาวะบ่อย – มีฟองหรือไม่ ถ้ามีฟองมักจะมีโปรตีนรั่ว หน่วยไตเสียหายทำให้ดูดกลับโปรตีนไม่หมด ทำให้ปัสสาวะเป็นฟองเยอะ
             – ปัสสาวะมีเม็ดเลือดแดง อาจมาจากไตอักเสบ นิ่วในไต เนื้องอกในไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน หรือให้เลือดผิด เม็ดเลือดแตก อุดตันหน่วยไตและท่อไต
14061910263638

         2.ปวดเอว เอวที่ว่านี้อยู่ที่ 'เขตไต' เขตไตอยู่ที่ไหนให้คุณเอามือทั้งสองข้างเท้าสีข้าง ให้นิ้วโป้งอยู่ด้านหน้า 4 นิ้วอยู่ด้านหลัง ยกแขนขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่จะยกได้ ตรงนั้นแหละคือเขตไต ผู้ป่วยโรคไตจะปวดเมื่อยที่นั่น เวลาให้กำปั้นหลวมๆ ทุบเบาๆ จะรู้สึกเจ็บ
สำหรับปวดเอวบริเวณเข็มขัดนั้น ส่วนมากจะมาจากการทำงานมาก นั่งมาก ยกของหนักมาก แผนจีนจะมองว่าเกิดจากไตอ่อนแอ ทำให้ปวดเอวได้ง่าย ปวดเอวเช่นนี้ใช้ยาจีนบำรุงไตได้ผลดี ซึ่งหมอจีนเองต้องจำแนกกับโรคไตให้ดี
01_27

        3.บวม เริ่มแรกจะชอบบวมที่เปลือกตาบนจากน้อยๆ จนค่อยๆ มากขึ้นตามความหนักหน่วงของหน่วยไตที่ถูกทำลาย มักจะบวมตอนตื่นนอนเช้า จากนั้นค่อยบวมไปที่ข้อเท้า มาที่ขาท่อนล่าง แล้วค่อยลามไปทั่วตัวตามความหนักของโรค แต่บางคนที่มีปัสสาวะมากจะไม่ค่อยบวมมากนัก แค่บวมพอให้มองเห็นว่าเปลือกตาบนและข้อเท้าบวม
thaihealth_c_bhikpstuwyz8

        4.โลหิตจาง บางครั้งเราจะมองข้ามเรื่องโลหิตจาง มักจะคิดว่าเกิดจากเม็ดเลือดแดงน้อย ลืมคิดถึงเรื่องโลหิตจางจากโรคไต ผู้เขียนจำได้ไม่ลืมในสมัยเรียนหมอที่เซี่ยงไฮ้ มีผู้ป่วยหญิงท่านหนึ่งโลหิตจางมารักษาที่โรงพยาบาลที่กำลังฝึกงานอยู่ ปกติจะมาที่ โอ พี ดีเป็นประจำ โดยคุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคโลหิตจาง ให้กินยาบำรุงเลือดมาตลอดเป็นเวลาหลายปี วันหนึ่งสามีเธอพามาโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน ด้วยอาการเวียนศีรษะ อาเจียน หมดสติ รักษาอยู่โรงพยาบาล 7 วัน เธอก็เสียชีวิต ก่อนจะสิ้นลม ลมหายใจของเธอมีกลิ่นฉุนปัสสาวะมาก อาจารย์บอกว่านี่คือไตวายจากปัสสาวะเป็นพิษ จากเรื่องนี้ทำให้คิดอยู่เสมอว่า ผู้ที่โลหิตจาง ซีดเซียว ควรต้องตรวจการทำงานของไตอยู่เป็นประจำ
ผู้เขียนเคยรักษาผู้ที่ค่าของไตสูง ประมาณ 2 กว่าๆ แล้วเอาลงมาจนปกติได้ มีบางคน 4 กว่า ลงมาถึง 2 แต่เข้าใจว่าโรคไตไม่อาจกลับไปเหมือนเดิม ไม่หายขาด หากไม่รักษาต่อเนื่อง ขาดช่วง หรือกินอาหาร ใช้ชีวิตไม่ระวัง โรคก็เดินหน้า เร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองด้วย โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ผู้ป่วยโรคไตจะกินอาหารได้จำกัดมาก
b36p293a

        5.ปัสสาวะมีโปรตีนรั่ว ในคนปกติมีโปรตีนในปัสสาวะเพียงเล็กน้อย จึงตรวจไม่พบ แต่หากตรวจพบมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ คือความผิดปกติ ที่เกิดจากโรคและเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางสรีระ โดยทั่วไปหากมีโปรตีนในปัสสาวะมักจะเป็นข้อบ่งชี้ว่าเกิด 'โรคไต' ขึ้นแล้ว ต้องตรวจเพิ่มให้ละเอียด และทำการรักษาแต่เนิ่นๆ
แต่ก็มีที่เกิดจากสรีระธรรมดา ชั่วคราว เล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเป็นโรค เช่น เป็นไข้ หรือออกกำลังกายหนักหรือทำงานหนัก ทำงานท่ามกลางอุณหภูมิสูง อยู่ท่ามกลางอากาศหนาวจัด อารมณ์ผันผวนมาก ทำให้ประสาทอัตโนมัติสับสน การไหลเวียนของเลือดในไตเกิดการเปลี่ยนแปลง

ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาจาก : thaihealth

Tuesday 7 July 2015

น่าสนใจ อาการของโรค เเละ วิธีรักษา

เมื่อวานไปเจอบทความอันหนึ่งมัน เเพร่อยู่ในเน็ต  เห็นเเล้วน่าสนใจ  จึงก็อปเอามาฝาก
อาการบอกเหตุ...เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
การสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆเบื้องต้นได้ แต่ควรหาสาเหตุที่แท้จริง จึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด อาการบางอย่าง อาจเกิดจากสาเหตุต่างกัน แต่มีอาการเหมือนกัน เช่น...
- อาการนอนไม่หลับ
อาจเกิดจากถุงน้ำดีข้น หรือ กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อน หรือเลือดไม่ค่อยเลี้ยงหัวใจ เนื่องจากเป็นคนตื่นเต้นบ่อย
- ผิวหยาบ มีขี้แมลงวัน มีติ่ง หูด ตาปลา
สาเหตุมาจากลำใส้ใหญ่สกปรก
- ปัสสาวะมีกลิ่นแรง กลิ่นฉุนมาก เกิดจากไตไม่ดี ต่อมลูกหมากโต มีปัสสาวะคั่งค้าง
ให้กินแกนสัปปะรด 3 แกน ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และดื่มน้ำกระชาย
- ปวดนิ้วก้อย บอกถึงระบบความร้อนบกพร่อง ร่างกายถูกความเย็นตอน 3 – 5 ทุ่ม
เช่นอาบน้ำเย็น ตากแอร์ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น
- ปวดใต้ฝ่าเท้า หมายถึงปอดไม่แข็งแรง
- ปวดเข่า
ปวดด้านนอก ขึ้นมาถึงสะโพก หรือโคนขา หมายถึงถุงน้ำดีข้น ดื่มน้ำน้อยไปหรือระบบดูดซึมไม่ดี
อันมาจาก การกินของผัดน้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ถูกความร้อนจะแปรสภาพเหนียวเกาะที่ลำไส้ ทำให้สารอาหารและน้ำซึมผ่านไม้ได้
ปวดด้านหน้า หมายถึง กระเพาะอาหารไม่ดี กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีความวิตกกังวลบ่อย
ปวดด้านใน (ด้านที่เข่าชนกัน) หมายถึงปัญหาจาก ม้าม / เบาหวาน / อ้วน / ตับ /
กินหวาน / ขี้โมโห / มีสารพิษ / ไต / กินรสจัด / หรือกินอาหาร ผัดน้ำมัน
ปวดตามข้อ ปวดเข่า ให้ตื่นเช้าเอาน้ำเย็นรดตามข้อ สลายหินปูนเกาะได้
กระตุ้นการขับถ่ายด้วย
- ปวดสะบัดหลัง ปวดเอว หมายถึงถุงน้ำดีข้น ต้องล้างระบบดูดซึม
- ปวดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจเกิดจากปัญหา หัวใจ หรือไต หรือกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง
- มีอาการตึงใต้ราวนมขวา หมายถึงน้ำเหลืองไม่ดี สาเหตุมาจากมีอุจจาระตกค้างมาก
หรือถ่ายไม่หมดเป็นประจำ ให้หาทางระบายและกินขมิ้นชันตอนเช้า 9 โมง ช่วยเรื่องน้ำเหลืองให้ดี
- ปวดหลังมาจาก ท่านั่งไม่ถูกต้อง หรือ ความชื้นเข้าผิวหนัง หรือเพราะความวิตกกังวล
หรือ เป็นนิ่ว ลมในท้องเยอะ ดันกรวยไตให้งอ
- ปวดด้านข้างนอกฝ่าเท้า เป็นอาการของตับไม่ดี ถุงน้ำดีข้น นอนไม่หลับ ปวดหู ไมเกรน
- กดกลางฝ่ามือ ถ้าเจ็บ หมายถึง หัวใจโต เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
- กดใต้นิ้วชี้ ถ้าเจ็บ หมายถึง ระบบย่อย ตับ กระเพาะไม่ดี
- กดใต้ร่องนิ้วนาง กับก้อย ตรงเส้นหัวใจ ถ้าเจ็บ หมายถึง
กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง
- นิ้วกลางล็อค หมายถึงมีไขมันในเลือดมาก ต้องกินน้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน
เกิดจาก ตื่นเต้นบ่อย กินอาหารคอเลสเตอรอลสูง กินของหวานที่มีน้ำตาลมาก
- ปวดข้อมือใต้นิ้วโป้ง หมายถึงการมีอุจจาระค้างในลำใส้ใหญ่มาก
ควรแก้ใขด้านการขับถ่าย การมีอุจจาระค้างมากอยู่เสมอยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก
กลิ่นตัว และอาจจะไปรบกวนการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของเบาหวาน
- ตากุ้งยิง แก้โดยการดูที่แผ่นหลังจะมีเม็ดคลายหัวสิวเกิดขึ้น
ให้สกิดอ่อนแล้วตากุ้งยิงจะหายไปเอง
- มือสั่น เกิดจากมีน้ำมันเกาะลำไส้มาก ซึ่งอาจเกิดจากกินอาหารผัดน้ำมันพืช หรือตื่นเต้นบ่อย
- เล็บ มีดอก หมายถึงเลือดจาง
- เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกฝ่ามือ ตัวเย็น เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง
หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ดื่มน้ำกระชาย กินหัวใจหมูต้ม ข้าวเหนียวกับลำไยแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ
- ขี้ร้อน เกิดจาก ไตซ้ายเสื่อม กระทบถึง สมองซีกขวา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจินตนาการ ศิลปะหรือขาด
ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือถูกความเย็นตอน 3 ทุ่ม – 5 ทุ่มระบบความร้อนในร่างกายบกพร่อง
- ขี้หนาว - หมายถึงไตขวาเสื่อม จะกระทบถึงการทำงานของ
สมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เก็บความจำ คำนวณ จับประเด็น สาเหตูจากถูกความเย็นตอน 3 – 5ทุ่ม
- ถ้าหิวแล้ว มีอาการหิวจัด ทนไม่ได้ อาจกำลังจะเป็นเบาหวาน
- เหน็บชา ตามแขน ขา เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่ดี หรือมีพยาธิ เลือดน้อย
หรือไม่กินข้าวซ้อมมือ น้ำชีวภาค ดีกว่ากระชาย
- ตะคริว สาเหตุมาจากหัวใจไม่แข็งแรง ให้งดกิน ถั่ว ข้าวเหนียว ของดอง
ตะคริวบก ขาดโปรแตสเซียม ให้กินผลไม้สดมากๆ
ตะคริวน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือ (เกลือแกงป่น 1 ช้อนชา ละลายน้ำอุ่นดื่ม)
- ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ สมองเสื่อม ผมร่วงง่าย หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย ร้อนใน
ปวดไหล่ กล้ามเนื้อเหลว กระดูกคอ กระดูกสะโพกเคลื่อนง่าย เข่าไม่ดี น่องเหลว น่องทู่ ปวดข้อเท้า วิตกง่าย ขี้โมโห
- กลิ่นตัว เกิดจากลำใส่ใหญ่สกปรก มีสิ่งตกค้างมาก ซึมเข้าระบบเลือด และออกทางเหงื่อ ปาก และลมหายใจ
- อัมพฤษ อัมพาต ส่วนใหญ่เกิดจากท้องผูก การขับถ่ายไม่ดี ประกอบกับเส้นเลือดตีบ
เวลาเบ่งอุจจาระจะเพิ่มอันตรายจากการคั่งของเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตัน หรือแตก
หมดความรู้สึกและล้มลง (มักเข้าใจผิดว่าหกล้มก่อนแล้วเส้นเลือดแตก)
ควรป้องกันด้วยการดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พุทราจีน ขยายหลอดเลือด หรือกินข้าวต้มน้ำมะละกอ
7-10 วัน อาการจะดีขึ้น (วิธีการทำข้าวต้มน้ำมะละกอ นำมะละกอดิบครึ่งลูกตัดจุกออก เอาเม็ดออก หั่นพร้อมเปลือกเหมือนฟัก ต้มน้ำเคี่ยวจนนิ่ม เอาแต่น้ำมาต้มข้าวต้ม ถ้าใช้ข้าวกล้องยิ่งดี จะใส่ใบเตยด้วยก็ได้ กิน 3 มื้อทุกวัน)
- อวัยวะที่สัมพันธ์กัน - ริมฝีปากกับม้าม ถ้าใช้ลิปสติกที่มีสารเคมี
จะทำให้ม้ามไม่แข็งแรง ผลิตไขมันมาก ทำให้อ้วน
- หูกับไต หูไม่ดี ไม่คอยได้ยิน เป็นการแสดงถึงไตไม่แข็งแรง
- ลิ้นกับหัวใจ อาการของลิ้น บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของหัวใจ
- สายตา กับตับ รวมถึงเส้นผม และเส้นเอ็น ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน

Friday 19 June 2015

อาการของเด็กที่เป็นโรคเเพ้พัดลม

จากการเฝ้าสังเกตุของผม เกี่ยวกับ อาการของเด็กที่เป็นโรคเเพ้พัดลม
อาการที่พบส่วนใหญคือ
1.เด็กจะซน มาก จะไม่ยอมอยู่นิ่งเลย หรือที่เราเรียกว่าเด็กดื้อ
สาเหตุคงเป็นที่เด็ก มีความชื้นที่ปลอดมาก เเละรู้สึกไม่สบายตัว
จึงเเสดงออกมาด้วยอาการซน
อันนี้ผมไม่ได้พูดมั่วนะผมเฝ้าดูอาการหลานของผมเพื่อลดอาากรเเพ้พัดลม
ของเขามาอย่างต่อเนื่อง
เเละส่วนใหญ ที่เ็ด็กเป็นโรคนี้คือ การเป่าพัดลมจี้ไปที่ตัวเด็กเวลานอนอยู่ตลอดเวลา
ธรรมชาติของคน เวลานอน พักผ่อน ร่างกายจะขับของเสีย ทางผิวหนังผ่านทางเหงื่อ
เเละการขับเหงื่อคือการควบคุมอณภูมิในร่างกายเราให้ปกติด้วย เเต่ เมื่อเราทำให้ตัวเราเย็นอยู่
ตลอดเวลาด้วยพัดลม  การขับเหงื่อจึงผิดเพี้ยน อุณภูมิในร่างกายต่างจากอากสรอบกาย
2.เด็กจะมีอาการเเพ้อากาศอยู่ตจลอดเวลา

Saturday 13 June 2015

สัส จับตัวได้1โรคละกู โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

14/6/58
11.40
ถึงว่าผมมีอาการปวดข้ออยู่เนือง  เดินเหินลำบาก

นิจฉัยโรครูมาตอยด์และการรักษา
ผู้ป่วยที่เริ่มเป็นโรคนี้วินิจฉัยค่อนข้างยากเนื่องจาก อาการของผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจเลือดเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้อาการปวดข้อก็เหมือนกับอาการปวดข้อของโรคอื่นการวินิจฉัยต้องประกอบด้วย

  • ประวัติการเจ็บป่วย การให้ประวัติที่ดีจะช่วยให้วินิจฉัยเร็วขึ้น เช่นประวัติเจ็บข้อ ประวัติข้อแข็งในตอนเช้า การเปลี่ยนแปลงการทำงานของข้อ
  • การตรวจร่างกาย แพทย์จะตรวจดูว่ามีการอักเสบของข้อหรือไม่ ตรวจกำลังของกล้ามเนื้อ ตรวจผิวหนัง
  • ตรวจเลือดแพทย์มักจะเจาะหา rheumatoid factor,ESR(the erythrocyte sedimentation rate),CBC
  • X-ray ว่าข้อมีการทำลายหรือยัง

เกณฑ์การวินิจฉัยต้องพบอย่างน้อย 4 ข้อ
  1. ข้อขยับลำบากมากว่า 1 ชั่วโมง
  2. ข้ออักเสบมากกว่า 3 ข้อ
  3. มีการอักเสบของข้อมือ หรือนิ้วมือ
  4. ข้ออักเสบเป็นทั้งสองข้าง
  5. พบ rheumatoid nodule
  6. ตรวจเลือดพบ rheumatoid factor
  7. x-ray เข้าได้กับ rheumatoid
 เป้าประสงค์ของการรักษา
  • ระงับอาการเจ็บปวด (Relieve pain)
  • ลดการอักเสบ (Reduce inflammation)
  • ลดการทำลายของข้อ( Stop joint damage)
  • เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย (Improve sence of well- being)
วิธีการรักษา

การรักษา
Lifestyle เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อทำให้สามารถทำงานได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้แก่
  1. การออกกำลังกายและการผักผ่อน Rest and exercise ต้องมีความสมดุลระหว่างการออกกำลังกายและการผักกล่าวคือเมื่อโรคกำเริบก็ให้ผัก เมื่อโรคสงบไม่มีอาการก็ให้ออกกำลังการ การผักเพื่อลดการอักเสบ ลดอาการปวด และควรจะผักให้สั้นที่สุด การออกกำลังจะช่วยให้ข้อแข็งแรงมากขึ้น ลดการอักเสบ หลับได้ดีขึ้น
  2. การดูแลข้อ ช่วงที่ปวดอาจจะใส่ splint เพื่อลดอาการปวดและทำให้ข้อได้ผัก นอกจากนั้นอาจต้องใช้อุปกรณ์อื่นเพื่อช่วยผู้ป่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน แพทย์ทางกายภาพบำบัดจะแนะนำท่านในการจัดหาอุปการณ์ดังกล่าว
  3. การลดความเครียด เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังไม่หายผู้ป่วยมักจะหมดหวังกับชีวิต หมดกำลังใจในการทำกายภาพ แพทย์รวมทั้งญาติต้องให้กำลังใจผู้ป่วย และคอยดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  4. อาหาร ยังไม่หลักฐานว่าอาหารจะช่วยในการรักษาแต่อย่างไรก็ตามต้องอย่าให้อ้วน อาหารควรมีแคลเซี่ยมเพียงพอ
  5. อากาศ ผู้ป่วยบางรายจะเกิดอาการกำเริบเมื่อพบกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันดังนั้นควรหลีกเลี่ยง
เนื่องจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะเป็นๆหายๆ บางครั้งผู้ป่วยก็ทราบล่วงหน้าว่าโรคจะกำเริบ แต่บางครั้งไม่ทราบทำให้เป็นปัญหาในการวางแผนชีวิต ช่วงที่เป็นปรกติผู้ป่วยส่วนใหญ่จะทำงานได้อย่างมากเพื่อชดเชยช่วงที่ป่วยซึ่งจะกระตุ้นให้โรคกำเริบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องปรับการทำงานเพื่อมิให้โรคกำเริบ
การป้องกันโรคกำเริบ
หากผู้ป่วยสังเกตว่าโรคกำลังจะกำเริบให้พักผ่อนสักสองสามวัน อ่อนกำลังกายเล็กน้อยเพื่อป้องกันข้อติด และรับประทานยาแก้ปวดหรือแก้อักเสบ ประคบร้อนหรือเย็นจะทำให้โรคหยุดการกำเริบ หากมีการกำเริบบ่อยก็ต้องปรึกษาแพทย์
การออกกำลังกาย
ความสมดุลของการออกกำลังกายและการพักผ่อนจะลดการกำเริบ การพักผ่อนจะลดการอักเสบของข้อและลดการปวด ในขณะการออกกำลังจะทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังเพิ่มขึ้น และลดการเกิดข้อติด การออกกำลังกาย
อาหารและโรครูมาตอยด์
ยังไม่มีหลักฐานว่ามีอาหารที่จะใช้รักษาโรครูมาตอยด์ แต่มีหลักฐานว่าอาหารบางประเภทอาจจะช่วยรักาาอาการ
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากจะทำให้เกิดการกำเริบของโรค ดังนั้นควรจะหลีกเลี่ยงอาหารไขมันอิ่มตัว
  • น้ำมันปลาหากรับประทาน 1.5 กรับต่อสัปดาห์จะลดการอักเสบ
  • การรับประทานวิตามินซี
อาหารเสริมจะช่วยลดอาการได้หรือไม่
ยังไม่หลักฐานว่าอาหารเสริมจะรักษาโรคนี้ แต่พอจะมีข้อมูลว่าอาจจะช่วยบรรเทาโรคเช่น
  • น้ำมันปลา
  • evening primrose oil
  • borage seed
  • ฝังเข็ม
  • การนวด
Homeopathy ไม่สามารถลดอาการปวดจากโรครูมาตอยด์
การนอนหลับ
หากนอนไม่พออาจจะให้โรคกำเริบ
  • หากมีอาการปวดก็อาจจะอาบน้ำอุ่น หรือรับประทานยาแก้ปวดก่อนนอน
  • ตรวจสอบเตียงนอนต้องไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป มีอาการปวดคอหรือไหล่หลังตื่นนอนหรือมไ่
  • งดดื่มชา กาแฟ สุรา หรือสูบบุหรี่ก่อนนอน
  • การออกกำลังสม่ำเสมอจะช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้น
หากตื่นมาตอนเช้ามีอาการข้อยืดหรือเคลื่อนไหวลำบากให้ทำการยืดเส้นดังต่อไปนี้
นอนหงายและดึงเข่าข้างหนึ่งให้ชิดหน้าอกให้นับช้าๆถึงห้ และเปลี่ยนข้างให้ทำข้างละ 5 ครั้ง
นอนหงาย งอที่เข่าและเหยียดขาข้างหนึ่งดังรูป นับหนึ่งถึงห้าทำข้างละ 5 ครั้ง
นอนราบตั้งเข่าขึ้น และบิดเข่าไปด้านซ้ายและขวาให้ค้างไว้ 10 วินาทีต่อข้างทำซ้ำข้างละ 3 ครั้ง

ข้อมูลจาก
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/rheumatoid/ra/TREATMENT.htm#.VX0DsPntmko

กินถั่วทำให้ปวดเข่า?

14/6/58
10.30
ผมหยุดกินถั่วมาได้สอง สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ อาการปวดเข่า ผมลดความรุนเเรงลง
การกินถั่วกับการปวดเข่า มันเกี่ยวกันอย่างไร ผมไม่รู้หรอกเพราะใอ้หมอเหี้ยมันไมบอก
ถามกี่ครั้งมันก็ไม่บอก ไอ้เหี้ย หมอ ไอ้หมอเหี้ย ไอ้หมอเหี้ย
สิ่งที่ผมต้องทำ หาสเหตุ มาตอบขอ้สงสัยของผมให้ได้  เเป็ปนึงเดี๋ยวมา
11.11
ได้มาเเหละ  ข้อมูล ตรงกับที่ผมสงสัยพอดี ผมเลยก็อบข้อมูลมาให้อ่านครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆ

รองศาสตราจารย์ วิมล ศรีศุข 
ภาควิชาอาหารเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


กินอะไร เลี่ยงอะไร ในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid)


โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)เป็นความผิดปกติเรื้อรัง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันรุกรานเนื้อเยื่อในร่างกายหลายแห่งโดยเฉพาะส่วนข้อ ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ข้อเสื่อม  อาการแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายดี ส่วนระยะที่อาการกำเริบ ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อยล้า เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ  กล้ามเนื้อและข้อเกร็ง(พบมากในช่วงเช้า) ข้อเปลี่ยนเป็นสีแดง บวม ปวด นิ่ม โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทั้ง 2 ข้างของร่างกายสมดุลกัน มักเกิดกับข้อเล็ก  หากทิ้งไว้เรื้อรัง จะลุกลามมีผลทำลายอวัยวะอื่นๆ เช่นปอด หัวใจ เม็ดเลือด ทำให้ต่อมน้ำตาฝ่อ ตาแห้งฝืด ฯลฯ 

จะรับประทานอาหารอะไรได้บ้างที่ไม่มีผลทำให้อาการกำเริบ?
อาหารที่ไม่มีผลกระตุ้นให้เกิดอาการปวดข้อ ที่มีบทความต่างประเทศแนะนำไว้ ได้แก่
  • ข้าวกล้อง
  • ผลไม้ที่ผ่านความร้อน หรือทำแห้ง ได้แก่ เชอรี่ แครนเบอรี่ ลูกแพร์ ลูกพรุน (ยกเว้น ผลไม้ตระกูลส้ม กล้วยลูกพีช หรือมะเขือเทศ)
  • ผักสีเขียว เหลือง และส้ม ที่ผ่านความร้อน ได้แก่ หัวอาร์ติโช้ค หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ ผักกาดแก้ว ผักโขม ถั่วฝักยาว มันเทศ มันสำปะหลัง และเผือก เป็นต้น
  • น้ำ ได้แก่ น้ำธรรมดา หรือ โซดา
  • เครื่องปรุงรส ได้แก่ เกลือปริมาณปานกลาง น้ำเชื่อมเมเปิ้ล และสารสกัดวานิลา

ควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง?
อาหารที่มีผลกระตุ้นให้อาการกำเริบ คือ ผลิตภัณฑ์นมทุกชนิด ทั้งจากนมวัวและนมแพะข้าวโพด เนื้อสัตว์ทุกชนิด ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวราย ไข่ ผลไม้ตระกูลส้ม มันฝรั่ง มะเขือเทศ ถั่ว กาแฟ

อาหารอื่นที่อาจจะรับประทานได้ หรือควรจะหลีกเลี่ยงเพิ่มเติม มีอะไรบ้าง?
อาหารบางชนิดที่อาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ในบางคน แต่ไม่กระตุ้นอาการในคนกลุ่มใหญ่ เช่น เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ กล้วย ช็อกโกแล็ต มอลต์ ไนเตรต หอมใหญ่ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง น้ำตาลอ้อย และเครื่องเทศบางชนิด

http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/4/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C-rheumatoid/